วันจันทร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2556

ทัวร์สองพี่น้อง เมืองชายทะเลกัมพูชา


       ถ้าจะให้โหวดว่า ใครเป็นนักเดินทางที่ใช้มอเตอร์ไซค์เป็นยานพาหนะ ที่ผมชื่นชมและยกย่องในฐานะผู้ที่ขี่มอเตอร์ไซค์ท่องเที่ยวเหมือนกัน  โดยมีข้อแม้ว่า
1. เป็นมอเตอร์ไซค์ตลาด ที่ไม่เกิน150ซีซี หรือที่เรียกกันว่ารถบ้าน 

2. เป็นคู่เดินทางที่พร้อมทั้งทักษะการขี่รถ และสัมภาระที่เตรียมได้อย่างครบถ้วน  และ ชอบขี่เที่ยวทั้งในและนอกประเทศ  แบบถึงไหนถึงกัน
3. ใช้เงิน+รถ+เวลา+ชีวิต  ได้คุ้มค่าที่สุด  และสามารถนำเรื่องราวต่างๆที่ได้ไปประสบมา  ถ่ายทอดเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ที่ชอบการขี่รถเที่ยว ท่านอื่นๆ ได้อย่างดี  โดยแค่ให้มี รถมอเตอร์ไซค์ อะไรก็ได้ เป็นพาหนะคู่ใจ เป็นพอ
      และด้วยเหตุผล3ข้อนี้  บุคคลที่เหมาะสมคงจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากนักผจญภัย จากเว็บPantip เจ้าของฉายา เตี้ย ล่ำ ดำ แก่หรือ แต๊กspark135 นั่นเอง
ลองพิมพ์ฉายาของเค้า ค้นหาในgoogleดูสิครับ  ท่านจะได้พบเรื่องราวต่างๆที่บรรจงถ่ายทอดมา ที่ล้วนแต่น่าติดตาม ให้ข้อคิดในการท่องเที่ยวแบบ2ล้อ ได้อย่างน่าชื่นชมทีเดียว
           จนเมื่อทริปล่าสุดของน้องแต๊ก เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ที่ขี่ไปเที่ยวกัมพูชา จ. เกาะกง  ผ่านเข้าHa Tienด่านเวียดนาม ขี่ท่องเที่ยวอยู่ในเวียดนามใต้ และขากลับ ก็แวะเที่ยวเสียมเรียบ นครวัด ก่อนเข้าไทยที่ อ.อรัญประเทศ แบบขี่ลุยไปกันเอง  จนผมต้องโทรถามน้องแต็กว่า                  

  “ขี่เข้าไปยังไงกันเนี่ย? “          “ขี่ทะลุเข้าเวียดนามได้ยังไง?”         ขอข้อมูลหน่อยสิ อยากไปบ้างนะๆ
      ถามข้อมูลได้พอประมาณ จึงลองกดดูวันลาช่วงเดือนเมษายน ดูว่ามีเหลือซักกี่วัน และวันไหนบ้าง  เหมือนโชคจะเข้าข้างผม มีว่างอยู่5วัน คือช่วง1-5เมย.พอดี ผมรีบลาล่วงหน้าและเริ่มศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม พร้อมบอกข่าวกับเพื่อนที่อาจสนใจร่วมไปในทริปครั้งนี้โดยทันที  ได้ลองคิดวางแผนการเดินทางว่า เวลา5วัน ทำยังไงจะไปเที่ยวสำรวจประเทศเพื่อนบ้านของเราที่เรียกว่า กัมพูชา หรือ เขมร ได้คุ้มค่าที่สุดและเหมาะกับหน้าร้อนบ้าเลือดช่วงเมษายน
       ถึงแม้จะไปแบบแต็กไม่ได้ทั้งหมด  แค่ทำได้บ้างก็ยังดี มีโอกาสคราวหน้าค่อยๆเก็บให้ทั่วๆอีกทีก็ได้  ก็สรุปได้2แผน คือ ขับรถกระบะบรรทุกมอเตอร์ไซค์จากกรุงเทพ400กม. ไปจอดไว้ที่หน้าด่านบ้านหาดเล็ก ที่ จ.ตราด ค่อยเอารถ2ล้อลง ข้ามด่าน ขี่เที่ยวชายทะเลเขมรทั้ง2แห่งให้ครบ700-800กม. แล้วกลับทางเดิม หรือ ขี่วนเป็นวงกลม ขี่เที่ยวชายทะเลทั้ง2เมือง แล้วขี่ขึ้นพนมเปญ เข้า เสียมเรียบ ชมนครวัด ออกทาง อ.อรัญฯ แต่เนื่องจากวันลาจำกัด จึงเลือกแผนแรกแทน          แต่พอถามใครๆว่าจะไปด้วยกันไหม? ก็มีแต่เสียงตอบกลับมาว่า

 มันจะดีเหรอ เดี๋ยวเข้าไปก็โดนจับเหมือน วีระ-ราตรีหรอก!”
 “ ไว้ใจได้เหรอ อันตรายนะ! ของเขมรมันแร๊งส์!”

  แฟนบอกไปไหนก็ได้ครับ แต่เขมร ห้ามเด็ดขาด!”
 “ อ้าว! ทำไมไม่ไปช่วงสงกรานต์ล่ะ!”
 “ ขี่รถบ้านๆไป แล้วมันจะสนุกเหรอ ไม่เอาคันใหญ่ไปล่ะ?”
 “ ไปเขมรหน้าร้อน ตับแลบกันพอดี....

          และอีกหลายๆ เหตุผล ทั้งปัญหาการเมืองและความไม่ชอบโดยส่วนตัวกับประเทศเขมรนี้.....แต่ก็ได้ผู้โชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่แน่ใจ ที่มาร่วมทริป 2คนจนได้ คือเพื่อนที่ได้ร่วมเดินทางไปSapaด้วยกันมา คือ พี่แดงegat กับ pop versys  เรื่องยานพาหนะ พี่แดงมีฮอนด้าAirBlade ส่วนpopไม่มีรถเล็กๆ ผมเลยให้ยืมฮอนด้าczi110 รุ่นหลาน ส่วนผมจะขี่ อีแต๋วหรือเจ้าฮอนด้าdream100 รุ่นปู่ ไปในครั้งนี้
           กดจองที่พักในAgoda คืนแรกในเขมร นอนที่พักริมทะเลเก๋ๆ  ที่Hibiscus Garden Hotel ที่Sihanoukville นอน3คน(+เตียงเสริม) ราคา916บ.  เป็นที่พักที่ห่างจากทะเล50เมตร ของกินมีโดยรอบ  ชาวต่างชาติมาเที่ยวมากมาย จะคล้ายๆกับพัทยา     คืนที่2 นอนที่พักริมน้ำ ปากอ่าวเมืองKampot ที่ Natural Bungalows Restaurant and Bar ห้อง3เตียง ราคา1,536บ. ที่นี่บรรยากาศที่พักช่างน่าประทับใจยิ่งนัก วิวสวย ที่พักสะอาด มีให้ครบทุกอย่างจริงๆ  ขี่ไปตลาดหาของกินก็แสนง่าย  ส่วนที่พักที่ จ.ตราด ก็โทรจองไว้ที่Happy Homes ซึ่งห่างจากด่านชายแดนบ้านหาดเล็ก12กม. กว้างขวางฝากจอดรถได้อย่างสบาย ด้วยราคาห้องพัก350บ.ในวันธรรมดา            โปรแกรมเดินทางเสร็จสมบูรณ์  เอกสารต่างๆเตรียมเรียบร้อย  ลองฝึกพูดภาษาเขมร  แลกเงินusไว้แบบแบงค์ย่อยๆ ใบละ1us=40ใบ  5us=30ใบ  เช็ครถพร้อมสัมภาระ ชุดขี่ ที่เหมาะสมพร้อม ทั้ง3คัน  เริ่มนับถอยหลังสู่วันเดินทาง……เย้ๆๆๆ
              แต่พอประมาณ3อาทิตย์ก่อนวันเดินทาง พี่แดงกลับติดงานอบรมที่บริษัท และ popก็มีธุระช่วงนั้นพอดี ต่างจำเป็นต้องถอนตัวจากการเดินทางครั้งนี้  ซึ่งผมก็เข้าใจทั้ง2ดี แต่ก็ยังไม่ล้มความตั้งใจของตัวเอง ถึงจะยังไงก็จะไปให้ได้ แม้ต้องลุยเดี่ยว  แต่ก็พอดีกับที่พี่ชายแท้ๆ พี่สัน ได้โทรมาถามเกี่ยวกับการเดินทาง ผมก็บอกว่าเพื่อนๆถอนตัวกันหมด ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ก็เลยชวนพี่ชายซะเลย 

              ซึ่งเป็นเวลากว่า15ปี ที่ห่างหายกับการขี่รถเที่ยว แบบ2คนพี่น้อง ที่เคยบุกตะลุย ถึง มาเลย์ สิงค์โปรกันมา แต่พี่ก็ยังให้คำตอบไม่ได้เพราะต้องดูวันลาก่อน ขอเวลา2-3วัน ถามเจ้านายก่อน(ที่บ้านด้วย) และ เนื่องจากห่างหายจากการขี่รถไกลๆมานาน  จึงกลัวจะไม่พร้อม  ผมก็ได้แต่รอว่า ปาฏิหาริย์ คงจะมีจริงบ้างเท่านั้น                                          ***************************************
1 เมษายน  2556


         “ ฟ้ารดา ” รถกระบะNissan Big Mปี90 สีฟ้า เครื่องเบนซิน z16 ติดLPG ถัง75ลิตร  กระบะหลังบรรทุกฮอนด้าczi110กับdream100 พร้อมสัมภาระครบถ้วน  เริ่มล้อหมุนจากหน้าบ้านย่านซาฟารีเวิลล์  07:00น   ขับด้วยความเร็ว90-100กม/ชม. ใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์มุ่งหน้าสู่ จ.ตราด ระหว่างทางมีฝนตกหนักช่วงเข้า จ.ตราด  มีอุบัติเหตุ รถแหกโค้งเพราะลื่นน้ำฝน เพราะความประมาทไป1คัน  รถมูลนิธิ มากันว่องไวกันมาก มาที4-5คัน ช่วงเวลาแป็บเดียว              ขับแบบหวานเย็นมาพร้อมกับพี่สัน ผู้ที่เป็นเพื่อนร่วมเดินทางในครั้งนี้  แวะโน่นแวะนี่ ตลอดทาง จนถึง อ.คลองใหญ่ ประมาณบ่าย2โมง  ก็ขอขับเลยไปชายแดนด่านบ้านหาดเล็ก เพื่อสอบถามขั้นตอนการข้ามแดน พร้อมเดินสำรวจตลาดชายแดน อากาศดีกำลังสบายๆ ขับกลับมา อ.คลองใหญ่แวะเดินตลาดบ้านๆบ้าง  
              แต่เหมือนเทวดาจะมาอำนวยพรด้วยน้ำมนต์ ทั้งเขื่อนสวรรค์   ทั้งฝน พายุ ฟ้าผ่า แย่งกันถล่มลงมา  จนที่ปัดน้ำฝนแทบเอาไม่อยู่  ต้องจอดรอ แถมน้ำจากภูเขามาสมทบอีก รู้สึกอีกที น้ำสูงเกือบคืบที่ล้อ  ขณะจอดอยู่ในตลาด อ.คลองใหญ่  แต่น้ำก็ระบายลงทะเลได้เร็วพอกัน                           พอฝนเริ่มซา จึงขับเข้าที่พักHappy Homesก่อน  พี่พันเจ้าของที่พัก ก็หาที่จอดฝากรถให้เป็นอย่างดี นำ2ล้อทั้ง2คันลง พร้อมเช็คความพร้อมอีกที  อาบน้ำเสร็จ ก็พร้อมไปตลาด อ.คลองใหญ่ หาของกินอีกที  ได้กินที่ “ ร้านนายผมยาว” ตรงข้ามตลาด เป็นอาหารตามสั่ง  ฝีมือดี ราคาไม่แพง แถมขายก๋วยเตี๋ยวเป็ดด้านหน้าร้านอีก  ตลาดคืนนี้ค่อนข้างเงียบเพราะฝนเพิ่งถล่มมา เป็นครั้งแรกในรอบหลายๆเดือน  สงสัยเทวดาท่าน จะต้อนรับเราจริงๆแฮะ                                          ***************************************


2 เมษายน 2556
         

               กระเป๋าเดินทางมัดติดท้ายรถ  ส่วนเอกสารและสิ่งต่างๆที่ต้องใช้บ่อย  ใส่ในเป้หลังคู่ชีพ  เสื้อผ้าร่มสีฟ้าเก่าๆตัวเก่ง กับกางเกงเดินป่าที่มีช่องกระเป๋าเยอะ  โดยมีการ์ดศอกและการ์ดเข่าสวมไว้ข้างใน  พร้อมรองเท้าบู๊ตขี่รถ  หมวกกันน๊อค  โม่งกันฝุ่น   แว่นดำ   ถุงมือ   earplug  และ  ยาดม  


               08:00
น. ทั้ง2คนพี่น้อง เริ่มขี่จากที่พัก มุ่งหน้าสู่ ด่านบ้านหาดเล็ก แวะส่วนที่แคบที่สุดของไทยเป็นจุดแรก  พอถึงหน้าด่าน ก็ดำเนินการตามขั้นตอนที่สอบถามมาเมื่อวาน อย่างคล่องแคล่ว   โดยเสียค่านำรถออกทั้ง2คัน เพียง 40บ. เอกสารก็มีpassportตัวจริง และ ใบคู่มือจดทะเบียนรถตัวจริง พร้อมใบแปลเป็นภาษาอังกฤษ  สามารถทำได้ที่ขนส่งทางบก  (แต่ที่นี่ไม่ต้องใช้) รถต้องไม่ติดไฟแนนซ์ (ไม่งั้นต้องขอเรื่องรับรองจากไฟแนนซ์มา ก็อาจจะวุ่นนิดหน่อย ) ถ้าไม่ใช่รถเราเองก็เพียงเขียนใบมอบอำนาจพร้อมติดอากรแสตมป์ 5บ. มาก็จบ  ใบขับขี่smartcardรุ่นใหม่อย่าลืมพกมาด้วย  ด่านทหารไทยจะขอจดรายละเอียดของรถก่อนนำออก เป็นเสร็จพิธีขาออก  

100ม. ข้างหน้า คือด่านเกาะกง
จอดไว้นอกรั้วฝั่งไทยก่อน แล้จึงวค่อยเดินไปทำเอกสารเข้ากัมพูชา 
                จากนั้นก็ขี่รถออกไปจอดระหว่างด่าน ไทย-กัมพูชา ซึ่งห่างแค่100ม.   แล้วเดินเท้าไปที่ด่านขาเข้าของกัมพูชา จังหวัด เกาะกง  เข้าช่องArrival กรอกใบเข้าเมือง ยื่นพร้อมpassport เข้าเครื่องสแกนลายนิ้วมือทั้ง5นิ้ว  มองกล้องถ่ายบันทึกรูปหน้า   จ่ายคนละ200บ.  อยู่ได้15วัน  แค่นี้ก็เสร็จพิธีขาเข้ากัมพูชา    แล้วจึงค่อยเดินกลับมาขี่รถที่จอดไว้ระหว่าง2ด่าน   ขี่เข้าด่านกัมพูชาแบบช้าๆผ่านเข้าช่องไม้กั้น   ถ้าเจ้าหน้าที่ถามว่าเอกสารyouเรียบร้อยรึยัง  ก็แค่โชว์ให้ดู  ส่วนเรื่องเอกสารใดๆของรถ  ไม่มีทั้งสิ้น   (ไม่ต้องทำเอกสารรถและประกันภัยเหมือนที่ลาวหรือมาเลย์เลย  ง่ายดี แต่ถ้าเกิดอุบัติข้างในกัมพูชา  ก็ยังคิดไม่ออกว่าจะจบยังไงเหมือนกัน  ขี่ให้ปลอดภัย เป็นดีที่สุดแล้วกันครับ)
             

                *** อีกอย่างที่ผมจอดรถไว้ระหว่างด่าน  แล้วทำเอกสารคนให้เรียบร้อยก่อน แล้วจึงค่อยขี่เข้าไป   โดยไม่จอดใกล้กับเจ้าหน้าที่กัมพูชาให้ตรวจได้ง่ายก็เพราะว่า  ทางเจ้าหน้าที่กัมพูชาอาจจะเล่นระเบียบที่ว่า  เราจะขี่รถเลยจังหวัดเกาะกง ไปอีกจังหวัดหนึ่ง  ซึ่งอาจมีปัญหาเรื่องป้ายทะเบียนที่เป็นของไทย และปัญหาการขี่ข้ามเขต อาจจะต้องมีค่าดำเนินการทำเป็นป้ายทะเบียนเขมร  หรือเล่นแง่อะไรที่เราคาดไม่ถึง   ผมจึงต้องมีเทคนิคนิดหน่อยเท่าที่เคยถามคนเคยมา ซึ่งก็ไม่มีปัญหาใดๆ
 แต่ถ้าเจ้าหน้าที่จะทำอะไรตามระเบียบเค้าแล้ว ผมจะมองถึงประเทศเป็นสำคัญ  เพื่อนๆอีกหลายๆคนที่อยากจะมาเที่ยวบ้างอาจต้องมีปัญหาในเรื่องการข้ามก็เพราะเราได้ ทำอะไรให้มันดีเข้าไว้ รุ่นต่อๆไปจะได้ไม่มีปัญหา ผมว่าคนขี่รถอย่างเราๆ ต้องสำนึกรับผิดชอบไว้เสมอ ถ้าสุดๆจริงๆ ก็จ่ายเค้า จบแน่ๆ อิๆ

วิธีปิดไฟหน้าอย่างประหยัด
เรื่องไฟหน้ารถ ต้องปิดในเวลากลางวันครับ นอกจากฝนตก อากาศแย่ มองไม่เห็นทาง หรือกลางคืน ถึงเปิดได้ครับ เป็นกฎของเค้า  ดูโบราณนิดหน่อย แต่เป็นบ้านเค้าครับ อย่ามีปัญหาดีกว่า***
จ่ายเงิน ค่าผ่านขึ้นสะพานเกาะกง
             เริ่มขับขี่รถฝั่งขวา ซึ่งตรงข้ามกลับไทย  ขี่ผ่านคาสิโน  โรงแรมหรูๆ  ตลาดชายแดน  โรงงานประกอบรถ ฮุนได ในนิคมอุตสาหกรรมที่ใหญ่มาก  ที่จังหวัดเกาะกง  ขี่ไปเรื่อยๆ เจอด่านเก็บเงิน ก่อนขึ้นสะพาน  ก็ควักจ่ายไป1$ / 2คัน


ป้ายเหมือนที่ลาว บอกทางได้เบ็ดเสร็จ   
                  
                    เริ่มขี่ข้ามสะพานเกาะกง  ลงสะพานมา  ขี่ตรงผ่าน 4แยก มองเห็นหลักกิโลที่คล้ายๆกับที่ลาว บอกระยะทางและที่หมายเบ็ดเสร็จ  ขี่มาซัก50กม. ก็เจอจุดพักกินข้าวหลายร้านติดกัน เป็นข้าวแกงซะส่วนมาก แม่ค้าพูดไทยได้ จ่ายเป็นเงิน$ และเงินบาทได้  อาหารมื้อแรกกับเบียร์เย็นๆตอน11โมง   สภาพอากาศจะร้อน เพราะขี่อยู่บนเขาอุทยานแห่งชาติ   มีโค้งกว้างๆ แบบทางภูเขา แต่สู้ที่ลาวไม่ได้เลย   ที่นี่ขี่ง่ายมาก      


ข้าวแกง มื้อเที่ยง
                                          

                    จากนั้นก็ขี่ไปถึงแยก Srae Ambel  ประมาณ140กม.จากด่านเกาะกง  จากนั้นเลี้ยวขวา มุ่งหน้าไปอีก 40กม.จนถึงแยก Veal Renh  เจอ3แยกให้เลี้ยวขวา มุ่งหน้าสู่ Sihanoukville อีก47กม.  วิว2ข้างทางเริ่มมองเห็นท้องทุ่งสวยงาม  เขียวท้องนา  ต้นตาล  สวนปาล์ม สวนยาง เรือประมง ควายอ้วนเป็นฝูงๆ เต็มไปหมด  ทำให้คิดถึงที่มาของเพลง “เขมรไล่ควาย”  มันเยอะอย่างนี้นี่เอง เป็นวิถีชาวบ้านตั้งเดิม แบบโบราณโดยไม่ต้องใช้รถไถเลย  ทรงบ้านดูปุ๊บก็รู้ว่าเป็น เขมรสไตล์  ต้นไม้ริมทางมัน2-3คนโอบ  ผ่านโรงเรียน  ชุมชน   ตลาด  ด้วยความเร็ว80กม/ชม.  ไปเรื่อยๆ เจอวิวไหนสวยก็จอดถ่ายรูป  ถ้าหิวก็แวะจอดร้านริมทาง  จะสะดวกอะไรเยี่ยงนี้    




          
                เจอด่านอีก แต่คราวนี้ 2ล้อวิ่งผ่านได้ไม่ต้องจ่ายตังค์   รถยนต์ที่นี่ ก็ขับToyota Camry , Tacoma , Landcruiser , Prado แล้วก็ตระกลู Land Rover,  Range Rover , พอใกล้เมืองชายทะเล ก็มี Porsche , Hammer  โอ๊ย! มีตังค์นี่หว่า  รถใหญ่ที่ต้องระวังก็พวก  รถบรรทุกสินค้า รถพ่วง  บางทีแซงมาแบบกินเลนสุดๆเลย  ต้องขี่หลบลงข้างทางอยู่หลายครั้ง แล้วก็รถSUVใหญ่ๆ ที่ขับแซงจากหลังขึ้นมา ต้องมองกระจกหลังบ่อยๆ เพราะเราขี่กันไม่ค่อยเร็วด้วยก็เป็นไปได้

          รถ2ล้อท้องถิ่นที่นี่ ส่วนมากจะเป็นฮอนด้าdream125 ดรัมเบรกหน้า-หลัง  ขี่ร่วมกันพอได้ แต่ถ้าอยู่ในเมืองก็ ย้อนศร ควักไขว่ เหมือนกัน แต่ด้วยประสบการณ์ที่ขี่ไปหลายประเทศ ก็ยังถือว่า เค้าขี่กันokนะ    
            แวะปั้มแรกที่เจอก็เกือบ 140กม. จากด่าน  แต่ข้างทางส่วนมากจะเป็นปั้มขวด  ปั้มแกลลอน ซะมากกว่า มีน้ำมันอยู่ 3แบบ คือ ดีเซล  แล้วก็ เบนซินregular กับ super  ผมเติมregularก็พอ  ในรถยังมีน้ำมันใส่ขวด1.5ล. มาอีกคันละ2ขวด  สำรองฉุกเฉินไว้  ซึ่งก็ได้ใช้บ้างเหมือนกัน อุ่นใจดี สำหรับผมถ้าไม่พกมาแล้วไม่ค่อยมั่นใจ              
          บ่าย3โมง ก็ขับมาถึงเมืองชายทะเล เข้าที่พักคืนแรก Hibiscus Garden Hotel ที่ Sihanoukville โชว์passportและใบจองผ่านnet  พนักงานพูดอังกฤษได้ดีทีเดียว เลยไม่ต้องใช้ภาษาเขมร   ได้ห้องชั้น2 ห้องแอร์  เก็บของ อาบน้ำแต่งตัว สำรวจเมืองซะหน่อย
            ซ้อน2 czi110 ขี่ชมตลาด  ชายหาดรอบๆ  ย่านโรงแรมหรู  ซอยร้านเหล้า แหล่งอโคจรต่างๆ  มองไปก็คล้ายๆ กับบางแสน พัทยา คนพื้นที่ก็เที่ยวบางแสน นักท่องเที่ยวก็อยู่พัทยา ยังไงยังงั้น  ราคาของกินมันก็แตกต่างกันเห็นๆ  อากาศเย็นกว่าเมืองไทย  น้ำทะเลก็ใส  ทรายก็ขาว  ขยะตามหาดก็ไม่มีให้เห็น  ชาวรัสเซีย ,ยุโรป  ใส่ชุดว่ายน้ำเดินกันว่อน ไม่ต้องใช้เลนส์ซูมเลย   นึกๆไป ก็รู้สึกสงสารทะเลไทย โดยเฉพาะหาดบางแสนที่เคยไปช่วยเก็บขยะกับKawasaki   

                    

       แวะร้านค้าแถวตัวตลาด กินน้ำทุเรียนปั่น พี่สันกินน้ำแตงไทยปั่น ชื่นใจ หอมอร่อย  ภาวนาอย่างเดียวว่าอย่าจู๊ดๆเลย ตามด้วยขนมปังไส้หมู+ปลากระป๋อง แกล้มกับมะละกอสับ เหมือนส้มตำ อร่อยดี  ในตลาดขายมะม่วง ทุเรียน กล้วย แก้วมังกร ฯ ของสดต่างๆ ก็เป็นหมวดหมู่ดี ผู้คนแน่นตลาด 




        
                  

                   พอดวงอาทิตย์ตกน้ำ  ก็ขี่ชิลล์ๆ ไปกินแถวริมหาดชาวบ้าน  มีปูเสื่อนั่งกินริมทะเล ปิ้งย่างต่างๆ กระป๋องเบียร์เป็นกองๆ  ชอบน้ำอ้อยคั้นสดผสมส้มเช้ง รถชาติอร่อยดี ตกแก้วละ 8บ.ไทย  ตู้คั้นน้ำอ้อยนี้เป็นทรงเดียวกันทั่วเมือง  เหมือนเป็นเฟรนไชส์ ยังไงยังงั้น ท่าเรือที่นี่มีเรือเดินทะเลขนาดยักษ์ สไตล์ไททานิค 2ลำ จอดเทียบท่าอยู่ อยากไปดูใกล้ๆ แต่มีที่กั้นไว้   ซื้อเบียร์กับแกล้มมานั่งกินในห้อง น้ำแข็งหลอดไม่มีขายเลย หายาก  เลยขอที่Pubชั้น2 พอกินกันหมดขวด หลับสบาย                                                                ***************************************
3 เมษายน 2556
                7โมงเช้า ซ้อน2ไปตลาด กินข้าวต้มหมู ชมวิถีชีวิตผู้คนยามเช้า แวะถ่ายรูป และออกเดินทางต่อ ตอน9โมงเช้า ขี่แวะชมสนามบิน Sihanoukville

  
 ขี่ย้อนกลับมา47กม. มาที่3แยก Veal Renh เลี้ยวขวาไปทางเมืองKampot ไปอีก50กม. ระหว่างทาง ด้านขวามือจะขี่เลาะเคียงชายทะเล  วิวท้องทุ่งโล่ง  ปะปนกับบ้านชาวบ้าน  บ้างก็เป็นท้องนา บ้างก็เป็นเรือชาวประมง  ส่วนวิวด้านซ้าย จะมองเห็นภูเขาสูงเป็นแนวยาว ที่ยอดเขาถูกปกคลุมด้วยกลุ่มเมฆหมอก ข้างบนนั้นเป็นที่ๆเราจะขึ้นไปเที่ยว ที่มีชื่อว่าBokor Mountain  เมื่อประมาณ90ปีที่แล้ว ชาวฝรั่งเศสได้มาสร้างเมือง  โบสถ์  โรงแรม ฯลฯ  ไว้ข้างบน  เพื่อเป็นเมืองตากอากาศ             แต่ปัจจุบัน สิ่งเหล่านั้นเป็นสถานที่ร้างหมดแล้ว และใกล้กันอีกฝั่งด้านบน ก็มีคาสิโนขนาดใหญ่ ปลูกสร้างขึ้นเป็นเมืองเล็กๆไว้รองรับนักท่องเที่ยวและนักเสี่ยงโชค  เลยไปหน่อยก็มีวัดริมหน้าผา น่าเที่ยว วิวสวย มีแยกไปน้ำตกด้วย ก่อนขึ้นเขามีปั้มน้ำมันใหญ่  และระหว่างทางมาก็มีปั้มเล็กๆอีก2แห่ง  แวะกินมื้อเที่ยงร้านชาวบ้าน น้ำมะพร้าวอีกลูกโตๆ2ลูก  ก่อนขึ้นเขาBokor
มีด่านเก็บค่าขึ้นเขา1$/2คัน  “Preah Monivong National Park” ระยะทางถึงยอดเขา30กว่า กม. ทางเหมาะกับการเล่นโค้งเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งสูงขึ้นไปอากาศเริ่มเย็นสบายขึ้น แม้ขณะตอนกลางวัน   มีรูปปั้นใหญ่รูปคนนั่งขัดสมาธิ ไม่รู้ว่าเป็นใครเหมือนกัน แต่ก็เป็นที่สักการะของคนที่ผ่านขึ้นมา   ไปจนถึงคาสิโนข้างบน แต่ไม่ค่อยถนัดเรื่องนี้ เลยขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกดีกว่า  ไปจนถึงวัดริมหน้าผา เวลาเมฆมาคลุมยอดเขา กระแสลมแรงพัดตัดยอดเขาให้ภาพที่สวยงามมาก  ยิ่งวิวข้างบนโบสถ์  สามารถมองเห็นชายทะเลKampotได้สุดลูกหูลูกตา ขี่ต่อมาที่โบสถ์คริสต์ร้าง ต้องจอดแล้วเดินไต่เขาขึ้นไป และก็ขี่ชมสิ่งก่อสร้างที่รกร้างตามจุดต่างๆจนครบ ที่นี่เคยถ่ายหนังผีเหมือนกัน ถ้ามากลางคืน คงบิดกับหัวโกร๋นแน่ๆ            
       

  
       จากนั้นก็ขี่เล่นโค้งกลับลงกันมา อากาศเริ่มอุ่นจนร้อนขึ้นตามลำดับ  ถึงปั้มใหญ่ข้างล่าง ก็เลี้ยวซ้ายไปอีก8กม.  พอข้ามสะพานข้ามแม่น้ำก็ถึงเมืองKampot  สัญลักษณ์ของเมืองคือ ทุเรียน พริกไทย ของขึ้นชื่อเค้าก็ น้ำปลา พริกไทย  ที่พักของเราพอลงสะพานมาเจอ4แยกปุ๊บ ให้เลี้ยวซ้ายทันที  ขี่อีก60ม.ก็เจอ Natural Bungalows Restaurant and Bar  เป็นที่พักสุดหรูติดแม่น้ำ มีหาดทราย มีศาลาริมน้ำ ลมพัดเย็นสบาย มองเห็นวิวBokor Mountain เงียบสงบมากๆ ห้องพักก็จัดได้สวยงามลงตัว อยากนอนหลายๆคืน แต่วันไม่พอ น่าเสียดายจริง มีที่พักชั้นล่าง3เตียงกับชั้นบน2เตียงให้เลือก ก็เลือกห้องชั้นบน 



                      มีรูปนางอัปสร ร่ายรำอยู่บนหัวเตียง ก็เกรงว่ากลางคืน เธออาจจะมารำให้ดูอยู่เหมือนกัน อาบน้ำเก็บของ ขี่ชมเมือง คราวนี้ ถึงตา ”อีแต๋ว”Dream100บ้าง  ต้นไม้ที่นี่2-3คนโอบ สูงใหญ่มากๆ   ดูเหมือนเมืองติดแม่น้ำ แต่ที่จริงคือเมืองปากอ่าวสู่ทะเล ชาวบ้านและนักท่องเที่ยว มาเดินเล่นริมน้ำ มีร้านรถเข็นขายอาหาร  ซึ่งก็ได้ใช้บริการเหมือนกัน  ตลาดที่นี่ใหญ่มาก ดูคึกคักมีชีวิตชีวา มีโรงเรียนหลายระดับชั้น จนถึง มหาวิทยาลัย มีคุกเก่าๆดูคลังมาก  เด็กวัยรุ่นเล่นสงกรานต์กัน  โดยใช้น้ำใส่ถุงแล้วขว้างใส่เพื่อนที่ขี่รถสวนมา เราจึงต้องหลบรัศมีหน่อย  มีอนุสาวรีย์แยกทุเรียน  แยกชาวนา  มีร้านน่านั่งสำหรับนักท่องเที่ยว ราคาน่าจะแพง  พอข้ามมาอีกฝั่งด้วยสะพานเหล็กทรงเก่า ก็มีร้านริมน้ำที่คนเขมรพื้นที่ นิยมมากันตอนค่ำๆ karaokeกันเสียงดัง  แวะซื้อเบียร์หลายกระป๋องๆ ละไม่ถึง20บ.   คืนนี้dinnerริมน้ำได้บรรยากาศมาก  รู้สึกได้มาพักผ่อน หายเหนื่อยกับทุกๆอย่าง  ราตรีนี้ยังอีกยาวไกลนัก     

 
                            *******************************************                                                       
4 เมษายน 2556


                 อาหารเช้ากับกาแฟ
Kampotเข้มๆ  อำลาที่พักแสนประทับใจ  ขี่มาเติมน้ำมันที่ปั้มอัดจนเต็ม  เพราะเราจะขี่ตรงกลับเข้าไทยแล้วเย็นนี้   ได้เห็นการเติมน้ำมันใส่แกลลอนขาย เป็นอย่างนี้นี่เอง 




 ระหว่างทางขี่มาเจอที่พักแบบprivate ทางเข้าเป็นชนบทดี  เข้าไปสำรวจเพลินๆ 


  



  เจอร้านค้าริมทาง แวะกินทุเรียนKampot  เครื่องดื่มเย็นๆ  ส่วนพี่สันกดเบียร์มา1ลังใหญ่

   ขี่เพลินดูแยกผิดไปหน่อย ขี่จนเลยมุ่งหน้าไปพนมเปญซะนี่ ต้องวนกลับมา แต่ก็ได้ชมทิวทัศน์แปลกตา  มีผลไม้ขายข้างทาง 

ขี่มาซักพักใหญ่ ชุดกันฝนที่เตรียมมาต้องใช้ซะแล้ว ฝนตกได้เป็นชั่วโมง ขี่ลุยกันมาเจอถนนที่ทำทางอยู่  ตอนขามามันก็พอไปได้  แต่ขากลับมีฝนตกมา เหมือนหนังคนละม้วนจริงๆ ขี่ไม่ง่ายเลย ลื่นปื๊ดๆ 







                 ฝนซาก็แวะเติมที่ปั้มจนเต็ม พอจะขี่ไปต่อ เจ้าczi110ที่พี่สันขนเบียร์มา  ยางหลังแบนเพราะโดนตะปู 2ตัวซะนี่ เลยต้องจอดงัดเปลี่ยนยางกันที่นี่ทำให้เสียเวลาไป  แต่ก็ไม่มากนัก ตั้งใจว่าจะให้ถึงด่านประมาณ 4โมงเย็น แต่ก็เลยมาครึ่ง ชม.ก็ยังถือว่าok 



            








          พอมาถึงสะพานเกาะกง  เหลือบมองเลขไมล์อีแต๋ว  โอ้ว! 84,000กม. พอดีเลย  แหม! คิดไปถึง 84,000พระธรรมขันธ์เล๊ย  สาธุๆๆเป็นมงคลจริงๆ








            ถึงด่านเกาะกง  เข้าช่องDeparture แสตมป์passportขาออกเรียบร้อย  ส่วนรถก็ขี่ผ่านได้เลย มาจอดฝั่งไทย เข้าช่องArrival แสตมป์ขาเข้า ส่วนรถก็ให้ทหารตรวจเอกสารก่อน แล้วก็นำเอกสารรถมายื่นอีกช่อง  ตรวจเอกสารซ้ำอีกทีว่าเรียบร้อยชัวร์ไหม ลืมอะไรอีกรึป่าวจนมั่นใจ  เป็นอันเสร็จพิธี  พี่ ต.ม.แวะมาคุยว่าไปถึงไหนกันมาบ้าง พี่เค้าบอกว่าเข้าออกด่านนี้น่ะ สะดวกสุดแล้ว ทะลุไปออกเวียดนามได้สบาย  ถ้าอีกหน่อย ด่านบ่อไร่เปิด จะไปเสียมเรียบได้สะดวกมาก ไม่จำเป็นต้องไปทาง อ.อรัญฯก็ได้ ก็บอกพี่เค้าไปว่า ผมจะมาอีก คราวหน้าคงหลายวันหน่อย จากนั้นก็แวะshopของตลาดชายแดน   ขี่กลับไปHappy Homes  นำรถ2ล้อทั้ง2คันขึ้นกระบะมัดอย่างเรียบร้อย อาบน้ำเปลี่ยนชุด ขับรถไปตลาดคลองใหญ่ แวะร้านนายผมยาวอีกที  พร้อมกับเมนูที่อร่อยๆ จัดมาชุดใหญ่ นอนที่เดิมอีกคืน แต่ตอนดึกๆ มีคนเขมรมาพักนอนหลายคน  คงรอด่านเปิดตอนเช้า  เฮฮากันเสียงดังจริง ๆ บอกกับพี่สันว่า อ้าว! นึกว่ายังอยู่เขมรซะอีก จากนั้นหลับปุ๋ย                                                                  
**************************************
5 เมษายน 2556
                7โมงเช้า ขับฟ้ารดา กลับบ้านย่านซาฟารีเวิลล์  เหยียบแค่90-100 บ่ายกว่าๆก็ถึง   รู้สึกว่าทำไมบ้านเรามันร้อนจังวะ   ลองคำนวณการบริโภคของBig Mเล่นๆ  ถัง75ล. ของLPG สามารถขับได้กว่า650กม.   9.13กม./ล.   1.40บ./กม. ระยะทางทริปนี้ 900กม. ค่าเชื้อเพลิงประมาณ1,300บ. ทำไมประหยัดอย่างนี้
ส่วนมอเตอร์ไซค์ทั้ง2คัน ลองคำนวณดูคร่าวๆ    ราคาน้ำมันที่เขมร  ลิตรละประมาณ 36บ.  จ่ายเป็น us$สะดวกมาก
-CZI-110 หัวฉีด   เลขไมล์ 13,013.1กม.    กินประมาณ40กม/ล. ระยะทางรวม 840กม. ค่าน้ำมันไม่เกิน 800 บ.       0.95บ./กม.
-Dream100   เลขไมล์ 84,020.1กม. กินเยอะไปหน่อย 30กม/ล. ระยะทางรวม 823กม. ค่าน้ำมันเกือบๆ 1,000 บ.   1.20บ./กม.
-ค่าที่พักทั้งในไทย 2คืน ในเขมรอีก 2คืน    รวม 3,152บ.-ค่าอาหาร, ของกิน , เบียร์, ค่าทางด่วน, เอกสารต่างๆไทย-กัมพูชา ,shopของกลับบ้าน    =  3,000 บ.ค่าใช้จ่ายตกประมาณคนละ5,000บ.  แพงหรือถูก ไม่รู้ แต่ผมกับพี่ชายบอกตรงๆ ว่ามันคุ้มจริงๆ มันน่าเที่ยวมาก สำหรับเรา2พี่น้อง เป็นทริปที่ประทับใจ และสนุกไปอีกแบบ  หลังจากได้สัมผัสเมืองท่องเที่ยวของประเทศเขมร ได้เรียนรู้วิถีชีวิต ของผู้คนที่นี่   รู้สึกอยากมาเที่ยวอีก ถ้ามีโอกาส  ขนาดพี่สันยังอยากขับรถยนต์พาที่บ้านมาเที่ยวเสียเองเลย ไม่เห็นมันจะน่ากลัวตรงไหน หรือบางทีเราอาจจะยังไม่เจอเรื่องน่ากลัวก็ได้ แต่บางครั้งในไทยเองก็ยังมีเรื่องน่ากลัวกว่าด้วยซ้ำ  555                                                                ***************************************