วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2557

Angkor 27feb-6mar2014 part3 End

4mar14  สะพานไม้ไผ่ข้ามแม่น้ำโขงยาว 1กม. ที่ข้ามไป Kaoh Pen อยู่ห่างจากที่พักเพียงกิโลกว่าๆ  เวลาขี่ข้าม พื้นไม้ไผ่ที่สานมันจะยวบยาบ ควบคุมรถลำบาก ไหนต้องระวังรถเล็ก รถใหญ่ที่สวนมาอีก  ขาไปยังไม่ค่อยชิน  เมื่อถึงฝั่ง Kaoh Pen จะมีคนรอเก็บค่าข้าม 1
 

            รอบๆชายเกาะจะเต็มไปด้วย ทรายแม่น้ำ ดูเหมือนชายหาด จะมีไม้ไผ่สาน วางทับพื้นทรายที่เป็นถนน  เพื่อให้รถต่างๆวิ่งเข้าหมู่บ้านได้สะดวก  ริมหาดทรายก็จะมีเพิงร้านอาหาร นั่งอาบแดดไป กินไป เหมือนอยู่ชายทะเลเลย 







                ขี่ไปสำรวจบนเกาะ หมุ่บ้านน่าอยู่มาก ร่มรื่น ปลูกต้นไม้กันแน่น มีวัด โรงเรียน  สถานีตำรวจ  บ้านคน ร้านของขาย ฯ ว่าไปแล้ว ก็คล้ายๆกับ เกาะเกร็ด  แถมมีguesthouseให้พักด้วยสิ 

                  มีแปลงปลูกข้าวโพดเยอะมาก  มีสวนผลไม้ หลากหลายชนิด เชื่อว่า ดินบนเกาะนี้ ปลูกอะไรก็ขึ้นดี พอลองมองจากgooglemap พิมพ์คำว่า "kaoh pen" เห็นลักษณะของเกาะแล้ว  นี่มันเป็นเกาะสำหรับการเกษตรชั้นเยี่ยมเลยนี่หว่า 
  
                  จอดหน้าโรงเรียน มีลุงมาขายตังเม ปั้นเป็นรูปสัตว์ต่างๆ   รวมถึงร้านขายขนม  มีนักเรียนรุมซื้อกันใหญ่ เลยถือโอกาส กินมื้อเช้าที่นี่เลย  









 ขี่ข้ามสะพานขากลับชักเริ่มสนุก  ใช้ขาตั้งกล้องรัดกับเป้ด้านหน้า กดถ่ายเป็นวีดีโอ เป็นGoProรุ่นจำเป็น  ภาพออกมาก็ไม่เลว  




 ตั้งใจไป สะพานโบราณ800กว่าปี  แต่ขี่ไป ไม่แม่นว่าต้องเลี้ยวแยกไหน  น่าจะขี่เลยไปไกล  ไว้ค่อยมาแก้ตัวใหม่คราวหน้า 
เข้าเขตเสียมเรียบตอนบ่าย3ครึ่ง  เห็นป้ายชี้ไปAngkor  ก็เลี้ยวขวา ขี่เข้าไปดู  เจ้าหน้าที่ๆเฝ้าทางเข้าปราสาท บอกให้ไปซื้อบัตรก่อน  ก็คิดแค่ว่าจะถ่ายวิวแบบไกลๆดูก่อนเท่านั้นเอง ยังไม่พร้อมเข้า   แต่ตำรวจที่ประจำตามจุด  ก็จะมาดูว่าเรามีบัตรรึยัง  แอบทำเนียนไม่เป็นผล ต้องยอมออกจากพื้นที่แต่โดยดี

                     เลยขี่มาที่จุดขายบัตร ตอน4โมงเย็น  แต่ก็ยังซื้อไม่ได้ เพราะห้องขายบัตร  จะเปิดตอน16:40น.เป๊ะ  แต่ก็ไม่เบื่อที่จะรอ ก็เพราะมีเธอคนนี้ยืนรอเป็นเพื่อน "บอง สรัน โอน เนียงละออ..."
 "บอง สรัน โอน เนียงละออ..."



 พอใกล้เวลาขายตั๋ว รถทุกประเภทต่างพานักท่องเที่ยวเป็นร้อยคน มาเตรียมซื้อตั๋วของวันพรุ่งนี้   ต้องถ่ายรูปติดบัตร  ผมซื้อบัตรชมแค่วันเดียว ราคา20$   


                     ส่วนใครจะชมหลายวันมากกว่านี้ ก็จ่ายเพิ่มไป ถ้าอยากดูครบๆทุกจุดแบบละเอียด น่าจะ3วัน กำลังดี  หลัง5โมงเย็น เค้าจะมีเวลาเปิดให้ชมฟรี1ชม.ก่อนปิด  ก็เลยรีบบึ่ง ไปถ่ายรูปตรง หน้านครวัด  อากาศที่นี่ร้อนหน่อย แดดแรง แต่ด้วยความใหญ่โต ของสถานที่ ก็ได้ตั้งหน้าตั้งตาเก็บภาพลูกเดียว เห็นของจริง แล้วรู้สึกทึ่งมาก บรรยายไม่ถูกกันเลย ดูจากแผนที่เมืองเก่า แค่จุดนี้จุดเดียว ยังใหญ่โตขนาดนี้ สงสัยพรุ่งนี้คงมีเมื่อยแน่ๆ  คืนนี้ต้องวางแผนเตรียมรับมือกับ  ในการชม  1 ในสิ่งมหัสจรรย์ของโลกซักหน่อยแล้ว





                 ขี่มาหาที่พักในเสียมเรียบ ผ่านไนท์มาเก็ต  ของขายนักท่องเที่ยวเยอะแยะมากมาย แอบคล้ายๆ ถนนคนเดินที่เชียงใหม่  ดูมีสีสรรค์ 



งูเขียวทอดกรอบ

 พี่จา พนม  นายแบบผ้าขาวม้าร้านนี้หน้าคุ้นๆแฮะ  

 ร้านนวดเขมร มีบริการมากมายถ้าใครเกิดเมื่อย ที่พักคืนละ10$ทำเลสะดวก ขี่ชมเมืองยามค่ำคืน  จอดลงเดินไป PubStreet,  Art center Night Market,  Angkor Night Market ฯ  มันติดๆกันหลายตลาด เดินจนงง    วันนี้ขี่รวมระยะทาง 320km  











5mar14              ตั้งปลุกไว้ตี5ครึ่ง เตรียมน้ำ ลูกอม ครีมกันแดด แบตกล้อง แบตโทรศัพท์ ขาตั้งกล้อง ชุดพร้อมเดินตากแดด ทั้งหมดเตรียมสำหรับวันนี้  

                    ขี่เข้าไปนครวัด รอถ่ายรูปแสงแรงของวัน ที่จะโผล่จากยอดปราสาท  นักท่องเที่ยวมารอถ่ายรูปกันแน่นพื้นที่ ประมาณ06:30น จึงได้เริ่มกดชัตเตอร์ พระอาทิตย์เริ่มค่อยๆขึ้นมาทีละน้อย เสียงนักท่องเที่ยวหลายภาษา ต่างแสดงความดีใจ โดยเฉพาะภาษาจีน    ที่ดังกว่าเพื่อน

















      
                       ตลอดทั้งวัน ยัน5โมงเย็น ที่เดินชม ขี่รถไปจากจุดนึง ไปอีกจุดนึง ตั้งกล้อง ถ่ายรูป  วนอยู่ในพื้นที่ นครวัด นครธม โดยไม่มีเบื่อ  ถึงจะร้อนแดด และเมื่อยทีน  สถานที่ๆ กว้างใหญ่ และ เก่าแก่เป็นพันๆปีนี้  ถ้าไม่มีรถตัวเองขี่มา จะไปไหนให้ทั่ว ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย  จะต้องเสียค่าสามล้อเครื่อง จนกระเป๋าฉีกแน่ 























































              สมัยนี้สะดวกที่จะถ่ายรูปได้ โดยไม่จำเป็นต้องกลัวฟิลม์หมดเหมือนสมัยก่อน  ผมเคยเล่นกล้องฟิลม์มา นึกขำๆว่าจะต้องเอามากี่ม้วนเนี่ย ถึงจะถ่ายรูปได้ครบในวันนี้   แทบทุกอย่างในยุคนี้ มันทำให้การใช้ชีวิตง่ายขึ้นมาก

          5โมงเย็น รีบขี่ออกมา เพื่อไปปากแม่น้ำที่จะลงสู่ โตนเลสาป  ก่อนแดดจะหมด  แวะจอดดูท่าขึ้นเรือ  บ้านชาวประมง  ร้านอาหาร  วิวสุดสายตามาก  จากนั้นกลับสู่ที่พัก   ขี่ชมเมืองเก่าไปวันนี้  146km











6mar14     วันนี้เป็นวันที่8 ที่ขี่รถมา น้อยกว่าโปรแกรม 1วัน ถ้าจะให้อยู่ต่อ ก็คงไม่รู้จะไปไหนดี  เริ่มเต็มอิ่มกับทุกสิ่งที่ได้เจอ  ถึงแม้ว่าผมจะเก็บจุดน่าสนใจต่างๆไม่ค่อยครบถ้วนนัก  เลยตัดสินใจ ขี่กลับบ้านดีกว่า พอแระเรา

















 มุ่งหน้าทิศตะวันตก สู่ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ปอยเปต  ระยะทาง 150kmโดยประมาณ








                 เมื่อถึงด่านชายแดน จอดรถ ลงไป เพื่อเค้าคิวยื่นเอกสารขาออก เจ้าหน้าที่เห็นเราขี่รถมา จึงเดินเข้ามาถามว่า คนไทยรึป่าว เข้าช่องVIPได้เลย 200บ.   บอกไม่เป็นไร ผมต่อคิวได้ไม่รีบ  ฝรั่งแปกเป้ก็เข้าคิวกันเต็ม ก็ไม่เสียเวลาอะไรมาก  ผ่านฉลุย  มองดูคาสิโน ที่คนไทยชอบมาเสี่ยงโชค จริงๆเมืองไทยควรจะมีนะ   ไหนๆบ่อนเถื่อนตั้งเยอะแยะแล้ว  โลกสวยอยู่ได้ 






              เข้ามาถึงฝั่งไทย  ด่านคลองลึก  ยื่นเอกสาร รถ และ คน  เรียบร้อยไม่มีติดขัดใดๆ  ขี่เข้ามา ปรับสมองว่า ขี่เลนซ้าย  ขี่ชิดซ้าย นะโว๊ย.. 

      เห็นรูปพระบรมฉายาลักษณ์ ในหลวง หยุดถ่ายรูป พร้อมทำความเคารพ  พูดอยู่ในใจว่า ผมกลับมาแล้วนะคร๊าบ 


                เริ่มล้อหมุนประมาณบ่ายโมงจากด่าน  มาถึงบ้านที่มีนบุรี ตอน 16:20น. ตลอดทางที่ขี่กลับมาบ้าน รู้สึกว่า คนไทย ทำไมสไตล์ขับรถ ไม่ค่อยสุภาพกันเลยวะ ไม่ค่อยมีวินัยจราจรกันเลย  จากประสบการณ์ที่เคยขี่ไปหลายประเทศ ผมมองว่า การขี่รถในเมืองไทย มีความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ ได้มากกว่าจริงๆ Human Errorสูงมาก  ดีใจที่รอดกลับถึงบ้าน  รวมระยะทางวันนี้ 392km   


บทสรุป
           ทริปนี้ใช้เวลา 8วัน  รวม 3,073.2km ขี่รอบประเทศกัมพูชา แบบไม่เร่งรีบ เน้นปลอดภัย สนุกกับการเก็บรายละเอียด ที่น่าสนใจ  มันมีที่ปลีกย่อยอีกเยอะที่ไม่ได้เขียน   ค่าใช้จ่ายทุกอย่างสำหรับทริปนี้  ทุกอย่างเลยนะครับ  ตั้งแต่ออกจากบ้าน ยันกลับถึงบ้าน ไม่ถึงหมื่นบาท  แต่มันก็มันเสี่ยงนะ ถ้าเกิดเหตุอันใดๆขึ้นมา
           ถ้าคิดจะขี่เที่ยวหลายคัน  ขอแนะนำให้มาโดยผ่านทัวร์ มีประกันภัย นอนโรงแรม จอดรถจะได้ปลอดภัย  กินร้านดีๆ แต่ก็คงต้องจ่ายเพิ่มอีกหน่อย    แต่ถ้าคิดจะมาเดี่ยวตามเส้นทางผม ก็ขอให้ศึกษาข้อมูลมาก่อน ขี่ให้ปลอดภัย ไม่ต้องรีบ ไปเรื่อยๆพอ  รักษาสุขภาพให้แข็งแรงไว้ตลอดทริป


            ผมคงไม่ขี่เที่ยวแบบ พี่Edwardเค้าหรอกครับ  ข้อแม้ชีวิตไม่เหมือนกัน ภาระหน้าที่ยังมี แต่คงทำในมุมที่ผมสนุกกับมัน  ไม่เบียดเบียนตัวเองมากเกินพอดี  ขอเป็นแค่ลูกเจี๊ยบ น่ารักๆ อย่างนี้ก็พอแล้ว
         900กว่าปีคืออายุของนครวัด และยังมีหลายปราสาทใกล้ๆ  ที่อายุมากว่า 1,200ปี   ทุกอย่างที่ผมถ่ายรูปไว้  เขียนเรื่องนี้ให้ทุกท่านได้อ่าน  หรือแม้แต่การขี่รถมาเที่ยวครั้งนี้  มันคงจะอยู่กับผม  อยู่ในความทรงจำของผม ได้นานอย่างมาก  ก็ไม่น่าจะเกินอีก 50ปีจากนี้   แล้วทุกๆอย่าง รวมทั้งผมเอง   ก็จะกลายเป็น ศูนย์  ไปตามกฏของธรรมชาติ   
           สิ่งใดๆที่จะทำให้ชีวิตอันแสนสั้นของเรา มีความสุข คนรอบข้างก็มีความสุข  โดยไม่ไปเบียดเบียนใครๆ  และพอที่จะทำไหว แรงยังเหลือ ปัจจัยพอมี  ผมคิดว่า มันก็น่าจะทำ ซะหน่อยนะ...


                                                                                                                       ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะครับ
                                                                                                     Thai559
                                                                                                  16Mar2014