วันศุกร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2557

Angkor 27feb-6mar2014 part2


2mar14 เช้านี้ได้นอนเต็มอิ่ม  เพราะเมื่อคืนจัดเบียร์ไปหลายกระป๋อง แพ็คสัมภาระ เซอร์วิสรถให้พร้อมเป็นพิเศษ เพราะวันนี้เช็คมาแล้วว่า ทางอาจจะไม่ค่อยดีนัก 









   แต่ก่อนอื่น เช้านี้ขอแวะไปเที่ยวน้ำตกบูสราเสียก่อน  ตามที่เจ้าของที่พักแนะนำ เฟอร์นิเจอร์ไม้ที่บ้านพัก รวมทั้งฝีมือการสร้างบ้านพักแต่ละหลัง ฝีมือดูไม่ธรรมดาเลย   พี่เค้าขับแลนครูสเซอร์คันใหญ่ ตัวพี่แกสูงซัก160cmได้  อัทธยาศัยดีมาก เห็นในรูปถ่าย ที่หลังเคาเตอร์ เป็นรูปพี่เค้า ถ่ายกับสมเด็จพระนโรดมสีหนุ จึงเดาได้ว่า พี่เค้าคงไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาเป็นแน่ แถมหลังบ้านมองลงเนินไป ยังมีโรงเลื่อยไม้อีก ชัดเลย....ชัวร์


 



หลังจากกินมื้อเช้า กับกาแฟที่แสนจะเข้ม ก็พร้อมออกเดินทาง  แวะไปจอดถ่ายรูปกับ กูปรีคู่ ที่เป็นสัญลักษณ์ ของจังหวัดมณฑลคีรี  














 แล้วขี่มุ่งไปทางน้ำตก 35kmจากที่พัก  มีการขยายถนนตลอดเส้นทาง  จนมาถึง ทางแยกขวาเพื่อไปน้ำตก ถนนก็เริ่มดีขึ้น  เมื่อเข้าไปถึง ก็ต้องลงเขา เดินเท้าเข้าไปอีก300ม.  เสียงแมลงร้องระงมทั้งป่า    ป่าดูแห้งแล้งจากอากาศเริ่มเข้าฤดูร้อน บวกกับมีไฟป่าในบางจุด  ทางเดินไปน้ำตกบูสรา มีสินค้าของชาวบ้านมาขาย  คนที่มาเที่ยวดูเหมือนจะไม่ค่อยเยอะ อย่างน้ำตกบ้านเรา จึงยังทำให้ที่นี่ ยังคงเป็นธรรมชาติมากกว่า  ถึงแม้น้ำจะดูน้อยในช่วงนี้  แต่ก็ยังไม่อาจทำให้ ความงามของน้ำตกบูสราลดน้อยลง และมั่นใจได้เลยว่า ถ้ามาช่วงน้ำเยอะกว่านี้  ที่นี่คงจะสวยมากๆ เลยทีเดียว

























เพลิดเพลินกับสายน้ำเย็นๆ เดินไต่ อ้อมไปด้านหลังสายน้ำตก ก็พบกับความเขียวชอุ่ม ของมอส  ทั่วบริเวณ ใครที่ชอบถ่ายรูป คงต้องเพลินกับการหามุมกดชัดเตอร์เป็นแน่ รู้สึกสดชื่นจนหายเหนื่อไปเลย






























 เสร็จจากน้ำตก ก็ขี่ย้อนกลับมาที่กูปรีคู่ เพื่อไปบนยอดเขา หามุมถ่ายรูปสวยๆ ตอนแรกคิดว่า ทางไปรัตนคีรีต้องไปอีกทาง 
 แต่ที่ถูกคือ ต้องไปตรง 7km ตรงที่แยกไปน้ำตกนั่นแหละ   แต่ให้เลี้ยวซ้ายแทน    เลยต้องขี่ซ้ำทางเก่าอีกรอบ








 เวลาบ่ายโมงกว่า เริ่มมุ่งหน้าไปสู่จังหวัดรัตนคีรี   ระยะทางที่จะไปเพียง180กว่าโล  แต่ ต้องใช้เวลากว่า3ชม.ครึ่ง  ได้พบเจอกับการทำทาง แบบบูรณาการ คือ ทำกันตลอดทั้งเส้น  ไหนจะทรายหนาๆ  ทางเบี่ยงขึ้นเขา ลงเขา มีรถบรรทุกตีลังกาลงจากเขาให้ดูอีก หินภูเขากระจายไปทั่ว ชุดขี่มอมแมมมากๆ  แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับขาEnduroอย่างเรา ทางยิ่งโหด...ยิ่งชอบ






จนได้มาถึงจังหวัดรัตนคีรี  และจุดหมายแรกที่อยากชมก็คือ บึงยักษ์ลม ที่อดีตคือปล่องภูเขาไฟ อายุ7แสนปี มีเส้นผ่าศูนย์กลาง800ม. ลึก50ม.  ต้องเสียค่าเข้า6พันเรียล  รีบจอดรถเดินลงไปดู  เหมือนมองดูสระทรงกลมๆ ที่รอบๆเต็มไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ที่เขียวขจี   น้ำใสมากๆ เย็นสดชื่น  จนอยากจะลงไปลอยคอ ตามนักท่องเที่ยวที่ลงเล่นน้ำกันอยู่  แต่ถ้าลงจริงๆ  ก็ยังห่วงสมบัติติดตัว ที่อาจจะหายเสียก่อน   ตามนิสัยระแวงระวังแบบคนเมือง   จึงได้แต่นั่งแช่รองเท้าปล่อยอารมณ์ไป  ควักน้ำลูบหน้า ลูบคอ  ถึงจะลุยทางฝุ่นมาตั้งไกล แต่พอมานั่งอยู่ริมบึงนี้ ความเหน็ดเหนื่อยต่างๆ มันก็หายเป็นปลิดทิ้ง ธรรมชาติเนี่ย มันบำบัดเราได้จริงๆนะ










สูดพลังที่ธรรมชาติมอบให้  กลับคืนมาจนเต็มปอด จึงกลับออกมาหาที่พัก  ขี่วนไปแถวตลาดBunlung  ก็เจอที่พักคืนละ7$  แต่ก่อนจะออกไปสำรวจเมือง  ขอซักชุดขี่ที่มอมแมมแบบจัดเต็มสักหน่อย    ของกินคืนนี้หลากหลายเพราะพักติดกับตลาดเลย   เดินแวะแทบทุกร้าน  ลองกินโน่น ลองกินนี่   เพื่อให้คุ้มค่า กับการเดินทางมาเยือน   วันนี้ขี่ไป275km









3mar14   รอมานานกับการที่จะได้เดินตลาดใหญ่ๆ  ที่ดูย้อนยุค ในตอนเช้าๆแบบนี้   ใช้สูตรเดินวนรอบใหญ่1รอบ แล้วเดินทุกๆซอยอีกที  เรียกว่าสำรวจกันจนทั่ว   สินค้า ของกินพื้นบ้านมากมาย ทั้งที่ไม่รู้จัก และที่คิดว่ารู้จัก ของสมัยใหม่ก็มี ชาวบ้านมาจับจ่ายกันแน่นตลาด  มีร้านขายทอง เครื่องประดับระยิบระยับ สวยงาม  





































เห็นคนเอาหอยตัวเล็กๆคลุกพริกกับเกลือ ตากแดดเอาไว้ขาย  เหมือนของกินเล่น    ว่าไปจะเหมือน หอยดองเค็มที่ใส่ขวดเหล้าแบน แบบชายทะเลบ้านเรารึปล่าวไม่รู้  แต่ถามเค้าว่ามันเรียกว่าอะไร  เค้าออกเสียงว่า เลีย ไม่รู้หูฟังไม่ค่อยจะชัดรึปล่าว  แต่ก็จำคำนี้ได้ขึ้นใจ   เวลานึกถึง หอย...... ให้นึกถึง เลีย........   เลีย เท่ากับ หอย ........   เลียหอย  ok^^







มีจุดจอดรถตู้โดยสารระหว่างเมือง   พูดถึงรถตู้โดยสารแล้ว ผมว่าที่นี่เค้าใช้พาหนะทุกประเภทได้เกินคุ้มมากๆนะ    รถตู้ที่นั่งกันเต็มรถแล้ว  ท้ายรถก็ยังมีการต่อเติม สามารถจะบรรทุกมอเตอร์ไซค์ได้อีก 2คัน  และโต๊ะไม้ใหญ่ๆอีก1ตัวได้สบายๆ   รัดแน่นๆก็เอาอยู่   ถึงกระนั้น หลังคาก็ยังมีที่ว่างพอ  ถ้าจะเอาของขึ้นไปไว้ได้อีก  รถตู้ ยี่ห้อเกาหลีเป็นที่นิยมมาก ทางตรงๆยาวๆ เหยียบกัน120km/hขึ้นทั้งนั้น   ส่วนมอเตอร์ไซค์  ก็ต่อเติมด้านหลังเอา ให้เหมาะกับของที่จะบรรทุก  ตามภาพที่ถ่ายลงไว้ให้ดู




หน้าที่พัก มีรถSUV ฮุนได บนหลังคาติดอุปกรณ์บางอย่าง ดูสติ๊กเกอร์ที่แปะรอบรถแล้ว จึงเดาว่า คงเป็นรถของGoogle มาทำพิกัดแผนที่ดาวเทียมแน่ๆ อุปกรณ์คอมฯในรถก็เอาผ้าคลุมไว้  เลยแช๊ะเป็นที่ระลึกไว้หน่อย
















เริ่มเดินทางต่อ วันนี้จุดหมายคือเมืองกัมปงจาม ซึ่งระยะทางค่อนข้างไกล  ขี่ยืนพื้น90-100km/h ชมวิวไปเรื่อย  เจองานแต่งอีกหลายงาน   ที่นี่เขาคงจัดงานได้ทุกวันจริงๆ โดยไม่ต้องดูฤกษ์555   








ตลอดข้างทาง มีต้นมะม่วงหิมพานต์ ที่กำลังออกผลดก  สลับกับ ต้นยางพารา  ที่ปลูกกันเป็นอุสาหกรรมกันเลย เยอะจริงๆ   รวมทั้งต้นไม้ที่สูงใหญ่โดดๆ เทียบกับตึก5-6ชั้น  ซึ่งไม่ตัดทิ้งเหมือนเวลาบ้านเรา ขยายถนน 
เวลาถึง3แยก 4แยก ที่แยกไปเมืองต่างๆ  ก็จะมีร้านค้า ขายอาหาร จุดจอดรถตู้โดยสาร อู่ซ่อมรถ ปั๊มน้ำมัน ฯ  ถ้ารู้สึกหิวน้ำระหว่างการเดินทาง ก็จอดหาน้ำมะพร้าวสด กับ น้ำอ้อยผสมส้มเช้ง ไว้ดื่มแก้กระหาย ราคาถูก มีขายริมทาง ย่านชุมชนทั่วไป
ทางดีมาพักใหญ่จากรัตนคีรี  จนมาเลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าไปเมืองKratie  ก็เจอทางฝุ่นแดงอีก เป็น100โลเหมือนกัน  รู้สึกแรงเริ่มถอย แดดเริ่มร้อน  สูดฝุ่นเข้าไปเยอะ  แต่เมื่อนึกถึง  หอยพริกเกลือ เมื่อเช้า กลับมีแรงขึ้นมาอีก แปลกใจจัง^^









จนมาถึงเมืองกัมปงจาม ตอน6โมงกว่าๆ   ขี่หาที่พักไป สำรวจเมืองไป  ที่นี่วัยรุ่น นักเรียน เยอะแฮะ ใครว่าคนกัมพูชาไม่หล่อไม่สวย ผิวคล้ำ ผมว่าน้องๆแถวนี้ พาไปเดินสยามได้เลยนะ สะอาดมาก (สะอาด แปลว่า สวย)  ตาไม่ได้มองถนนเลย ให้ตายซี้







เมืองนี้ใหญ่เป็นรองๆ พนมเปญ  เสียมเรียบ  เกาะกง มีความเจริญมากๆ   มีโรงเรียนอนุบาล ถึง มหาวิทยาลัย บรรยากาศกับลักษณะของผู้คนในเมืองนี้   มันบอกได้   นักท่องเที่ยวก็เยอะ วนมาถึงริมแม่น้ำโขง ได้ห้องคืนละ6$ แปลงกายเปลี่ยนชุด ลงมาเดินเล่น ชมวิวแม่น้ำโขง
 










 กำลังนั่งดูรูปจากกล้องอยู่เพลินๆ    ก็มีฝรั่งตัวสูงหุ่นแมนมากๆมาทัก  เราก็ใจไม่ดี  ยิ่งเมื่อยๆตูดอยู่ อย่านะ^^ คืนนี้ขอ....

เค้าเข้ามาถามว่าผมขี่มาจากไหน Can you speak English?   เห็นรถวิบากเรา ที่จอดอยู่หน้าที่พัก มีรูปธงชาติหลายประเทศแปะอยู่  เค้าเองก็ขี่CRF250 มาเที่ยวเหมือนกัน  และกำลังจะไปขอวีซ่าที่พนมเปญ เพื่อขี่เข้าเวียตนาม  หลังจากได้คุยกันพักใหญ่   จึงได้ทราบว่า  นายคนนี้มาจากCalifornia ,USA  ชื่อEdward อายุ47ปี  หรือชื่อใน www.adventurerider.com คือ “flyingdutchman177 “ ในหัวข้อ “Around The World in 800 Days” นั่นแหละครับ เที่ยวรอบโลกใน800วัน   แล้วถามผมว่าทริปนี้ผมมากี่วัน  ผมบอกไปว่า 9วัน   ตาEdwardบอกว่า ทริปของyouสั้นจัง... 

โอ้โหว! นี่มันก็ยาวแล้วนะ  สำหรับมนุษย์คนไทย กินเงินเดือนอย่างเราๆ  แค่นี้กลับไปก็จะโดนไล่ออกอยู่แล้ว  อาจจะต้องต้มมาม่ากินตอนใกล้สิ้นเดือนเสียด้วยซ้ำ 
.......แต่หลังจากฟังการเดินทางที่สุดขั้วของเค้า ทำให้ผมรู้สึกว่า  ผม.......เป็นแค่ลูกเจี๊ยบตัวเล็กๆ   ที่กำลังใช้ปาก   ที่เริ่มจะแข็งพอ ที่จะจิกเปลือกไข่  ให้แตกเป็นรูเล็กๆ  และ.....พยายามโผล่ปลายจมูกเล็ก   ให้พ้นเปลือก เพื่อ.....มาสูดอากาศบนโลก เท่านั้นเอง T_T

 








คุณๆลองเข้าดูรูปตาEdwardกันเองเถอะครับว่า พิมพ์ Around The World in 800 Days ใน google จะหาง่ายกว่า    ตอนนี้400กว่าหน้าแล้ว    เค้าเดินทางมาไกลแค่ไหน  นอนยังไง  เที่ยวยังไง  สุดโต่งแค่ไหน  จิบไวน์ไปเที่ยวไป  ขี่GSA1200เที่ยวฝั่งตะวันตก  บินมาซื้อ CRF250ไว้ขี่เที่ยวในเอเซีย  ผมคงลงรูปคร่าวๆให้ดู  เพื่อเป็นแนวทาง   ส่วนลูกเจี๊ยบในเปลือกไข่อย่างผม คงได้เท่านี้หล่ะครับ   แง๊ๆๆๆๆๆๆ


































ว่าจะลงรูปนายEdwardแค่บางส่วน แต่มันเป็นAdventuerของจริง เลยหามาให้ชมกันซะเลย                                                        
                                                           End of part2

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น