วันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2557

Everest Basecamp 1 การเตรียมตัว



                  ก็ม่ายยยมีอารายยยมากกกก แค่อยากบอกว่า   บางที...การที่จะทำให้สมอง มันไหลลื่น  คิดเรื่องที่จะเล่า  หาวิธีนำเสนอ  ขมวดปม  ปล่อยมุข  สอดแทรกเกร็ดความรู้ หรือความคิด ที่ต้องพิจารณาให้เหมาะสม  ว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่อ่านได้บ้าง    บ่อยครั้ง มันก็เป็นผลพลอยได้ จากน้ำที่มีดีกรี รสชาติขมๆปนฝาดๆ  ที่ช่วยสร้างจินตนาการให้  ได้ม๊าก..มาก   ถ้าไม่เมาซะก่อน  ต้องขอขอบคุณ   ไวน์ออสเตรเลี่ยนขวดนี้  ตอนนี้  เดี๋ยวนี้   ณ มหานครลอนดอน 15:58น  วันที่4june2014


              ก็กลับมาอีกครั้งนะครับ  กับการที่อยากจะเขียนเรื่องราวชีวิต และ ประสบการณ์ตรง ที่กำลังจะเกิดขึ้น ในวันที่8มิย2557นี้  มันก็คงหนีไม่พ้น  กับการเดินทางไกล  โดยใช้พาหนะ2ล้อ อีกเช่นเคย  แต่มาคราวนี้  จะไปกับพาหนะ4ล้อด้วย  เรียกได้ว่า  งานนี้จะเป็นขบวน คาราวาน ที่ทั้งใหญ่ ทั้งยาวก็ว่าได้   โดยมีจุดหมายปลายทางคือ  ตีนเขาหิมาลัย หรือ ที่ชาวโลกรู้จักกันในนาม Everest Basecamp  

ทริปนี้ประมาณว่า กะจัดครั้งเดียวเลิก โดยมีพี่กิตติ นิลถนอม บิ๊กบอสของ  บ.Transasia Route  เป็นผู้ริเริ่ม จะเรียกว่า เป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวในประเทศไทยเลยก็ว่าได้ 

กับทริประดับโลก  อย่างเช่น  คาราวาน กรุงเทพ-ฝรั่งเศส ก็จัดแล้ว   
ทริปคาราวาน กรุงเทพ-เมียนม่าร์ -อินเดีย-ภูฏาน-เนปาล ก็มีแล้ว  
ทริปคาราวาน พม่าใต้  ก็เพิ่งจัดไป และยังมีทริปคาราวาน นอกประเทศทั่วๆไปที่ขายอยู่ประจำ  จนมาคราวนี้  พี่เค้ามีไอเดียบรรเจิด อยากจะจัดทริป6ประเทศ เป็นวงกลม ปลายทางEverest  Basecamp รวม 36วัน

จริงๆที่ตั้งใจไว้ในปีนี้  คืออยากขี่รถไปเที่ยวพม่า  แต่มาเจอโปรแกรมบรรเจิดของพี่เค้า ก็เลยลังเล แต่ดูวันเดินทางที่จะต้องลางานแล้ว  มันเป็นไปไม่ได้แน่นอน  ที่จะทำเยี่ยงนั้น   แต่ถ้า ขอลาออกไปขี่รถเที่ยวเลย  ทางเจ้านายที่บริษัทที่ทำอยู่ ก็คงเต็มใจ ให้ออกเสียเลย คงง่ายกว่ามาก

พี่กิตติเลยกลับไปคิดแผนเดินทางใหม่ ที่จำเป็นต้องลดวันเดินทางลง โดยผ่านแค่ลาวกับจีน เพื่อลดค่าใช้จ่ายก้อนโต คุณเชื่อหรือไหมว่า ทริป36วันนั้น ค่าทริป ค่าน้ำมันรถ ค่าใช้จ่ายติดกระเป๋า บวกเงินมัดจำเข้าอินเดีย(ที่ได้คืนภายหลัง)ที่เรียกว่าcarnet   รวมๆกัน จะทะลุ 4แสนบาทอย่างแน่นอน   เห็นรายจ่ายแล้ว  ผมต้องถอยสุดตัวเลย  จนท้ายสุด พี่กิตติจึงได้คลอดโปรแกรมที่เหมาะสม ทั้งจำนวนวันเดินทางใหม่เหลือแค่26วัน   ช่วงเดือนที่เหมาะสมของปี  ที่ๆจะไปเยือน  กับราคาที่คุ้มค่ามาก เรียกว่า มันเป็นความลงตัวที่สุดก็ว่าได้  หลังจากนั้น ก็ประกาศรับสมัคร ผู้ที่จะร่วมเดินทาง ในเว๊บมั่ง  ลูกค้าเก่าๆมั่ง  ปากต่อปากมั่ง

ด้วยความที่ผม เคยใช้บริการทัวร์พี่เค้ามา แถมยังบ้านอยู่ใกล้ๆออฟฟิตด้วย  ก็เลยไปนั่งเล่นบ่อยๆ  จนสนิทกันอย่างพี่ๆน้องๆไปแล้ว  เมื่อก่อนเดินเข้าไป ก็จะมีน้องๆในออฟฟิตเข้ามาถามว่า  ”จะรับน้ำเย็นหรือกาแฟดีครับพี่ แต่เดี๋ยวนี้   “พี่ทิ น้ำอยู่ในตู้เย็นนะ  กาแฟชงเองเลยครับ  อ้าว! แล้วของฝากไม่มีติดมือมาหรือพี่    จะว่าไปแล้ว เราคงน่าจะสนิทกันจริงๆแล้วนะครับ ว่ามั้ย?  

พี่กิตติเสนอโปรแกรมทัวร์กับผมว่า  อยากให้ไปนะ คงจะจัดอย่างนี้ไม่ได้บ่อยแล้ว มีเท่าไหร่ก็จ่ายมาก่อนก็ได้  ที่เหลือ กลับมาค่อยผ่อนเอา เชื่อใจ ถ้าพร้อมก็บอกแล้วกัน  ไม่อยากให้พลาด”   อืม........คุณคิดว่า ผมจะรับข้อเสนอนี้ไหมครับ?

การจะร่วมทริปครั้งนี้  มันมีปัจจัยที่ทำให้  ไม่ค่อยสะดวกกับหลายๆท่านที่สนใจจะไปด้วย  หลายอย่างอยู่เหมือนกัน  เช่นว่า ทริปนี้ ต้องใช้เวลาอย่างน้อยๆ 26วัน    มีค่าใช้จ่ายทั้งทริปบวกค่าน้ำมันรถ ต่อคน ต่อคัน  ประมาณ หนึ่งแสนปลายๆ   สุขภาพร่างกาย ที่ต้องพร้อม ต้องฟิต กับการขับขี่  กับระยะทาง กว่า10,000กม.และ  อากาศหายใจที่บาง ในระดับความสูงกว่า5,000เมตร  มีจิตใจที่ต้องชอบเดินทางท่องเที่ยวแบบจริงจัง อดทน มีอารมณ์และความคิดในทางบวก จะกิน จะนอน ต้องง่าย   มีความชำนาญในการขับขี่  มีวินัยกลุ่ม  โดยเน้นความปลอดภัยเป็นหลัก  ต้องดูแลรักษาตัวเองและพาหนะ  ให้ไหว  จนจบทริป นั่นก็น่าจะเป็นหัวใจหลักๆ ของทริปนี้ครับ

พาหนะที่ผมจะใช้เดินทางคราวนี้ จะเป็นรถที่เพิ่งซื้อมาใหม่  ที่ผลิตในไทย แต่ไม่มีขายในเมืองไทย  งง! กันไหมล่ะครับ  ปกติหลายๆทริปที่ไป  ก็จะขี่เจ้าเพื่อนยาก Kawasaki klx250
ซึ่งก็เคย ไปลุยหิมะถึง แชงกรีล่า เมืองจีนมาแล้ว ขี่กันตูดด้านเลย 5,577กม แต่มาเที่ยวนี้ มีพาหนะ4ล้อและ2ล้อร่วมกัน   ในกลุ่ม2ล้อ พิสัยการเดินทางอย่างต่ำ ที่ต้องแวะเติมน้ำมัน ก็200kmขึ้นไป กันทั้งนั้น   ซีซีต่ำสุดก็500cc  ความเร็วเดินทางอย่างเร็วๆนะ ประมาณ100km/hเท่านั้น  เหมือนจะช้าไปใช่ไหมครับ หลายท่านที่ขี่กันในไทย คงแทบจะหลับด้วยความเร็วแค่นี้  แต่ถ้าเคยมีประสบการณ์ขี่เดินทางในต่างแดนกันมาบ้าง  จะเข้าใจเลยว่า ช้าๆแต่เสียวได้น่ะ  มันเป็นยังไง หึๆๆ

เลยไม่อยากจะเป็นภาระของกลุ่ม ที่จะต้องจอดหาปั้มให้เจ้าklx250ทุกๆ100กว่าโล หรือต้องมัดถังน้ำมันสำรองตลอดทาง  รู้สึกเกรงใจเพื่อนร่วมทางเค้า  มันอาจจะดูเท่ห์ถ้า ได้พาดหัวข้อว่า ขี่รถ250ซีซี จากกรุงเทพไปจนถึงEverest ซึ่งผมก็มั่นใจว่า มันไปได้อย่างสบาย  ไม่เว้น แม้แต่ รถจ่ายกับข้าวบ้านๆ 100ซีซี ก็ไปกันได้ทั้งนั้นนะครับ  แต่จะทำไปเพื่อ? 

ด้วยเหตุผลดังกล่าว งานนี้จึงตกเป็นภาระกิจอันใหญ่หลวง ของเจ้าkawasaki KLR650ทันที มีฉายาที่ตั้งไว้คือ น้องใหญ่   รถคันนี้ถูกนำเข้า มาขายอีกที เลยโดนภาษีนำเข้าเต็มๆ  ราคาเลยแพงกว่าเมืองนอกเกือบเท่าตัว แต่เทียบกับความคุ้มค่า กับความชอบโดยส่วนตัว ผมว่าคุ้ม
และทางkawasakiเอง  ก็ไม่มีนโยบาย เอามาขายเป็นรถตลาด ในบ้านเราอย่างแน่นอน ณ ตอนนี้ แต่อาจจะเปลี่ยนใจได้นะ ถ้าผมเชียร์บ่อยๆ อิๆๆ   ป่านนั้นผมก็ได้ขี่น้องใหญ่ จนคุ้มราคาไปแล้ว

ไปทำแร๊คข้างไว้ขนสัมภาระ กับพี่ปุ๊ก ร้านอยู่แถวด่านมอเตอร์เวย์ทับช้าง งานไทยๆแต่มีคุณภาพ ผลงานพี่เค้าไม่ธรรมดาเลย

จัดเตรียมแพ๊คกระเป๋าเดินทาง กระเป๋าอะไหล่เซอร์วิส ยางนอกหน้าและหลังอีก1คู่ น้ำมันเครื่องสำรอง  ชุดขี่ที่ต้องใช้กับอากาศหนาว ระดับเลขตัวเดียว  หัดรื้อรถ จะได้เตรียมประแจ ขนาดเครื่องมือช่างต่างๆ ให้เหมาะมือ แบกไปง่าย  เตรียมเรื่องเอกสารคน และ รถ ให้พร้อม  copyไว้หลายๆชุดออกกำลังกาย 
เคลียร์งานล่วงหน้า แปลนว่าจะลาหยุดแบบไหน โดยไม่ให้โดนไล่ออก อิๆ  พอเวลาเราตั้งใจจริง จะทำให้ได้ ไม่ว่าเรื่องใดๆ    ซึ่งผมเอง อาจจะมีดวงเดินทางไกลช่วยอยู่บ้าง  แต่ เรื่องโอกาส บางทีก็ต้องสร้างมันขึ้นมา ถ้ามัวแต่รอ  โอกาสอาจจะไม่มา ให้เห็นเลยก็เป็นได้ งานนี้ถือว่าการเตรียมการณ์เดินทางเบื้องต้น มีความสมบูณร์แบบมากกว่าทุกๆครั้ง ลงตัวดีตั้งแต่ต้น ก็น่าจะทำให้ทุกอย่าง เป็นไปตามแผนที่ตั้งไว้  และจำเป็นต้องเตรียมสติไว้เยอะๆด้วย

ผมจะบินกลับถึงไทย ในวันที่7มิย.ตอนเช้า นอนพักก่อน ตื่นบ่ายๆพร้อมเดินทางขึ้นเหนือ   หาพักที่จังหวัดไหนซักแห่งก่อน  รถและสัมภาระ ได้จัดเตรียมไว้แล้ว80%  คงต้องเคลียร์บ้านชายโสด น้ำ ไฟ ฝากบ้านไว้26วันกับ รปภ และพี่ๆบ้านข้าง ให้เรียบร้อย


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น